• จังหวัดฟุคุชิมะ


ถนนท่องเที่ยวที่เชื่อมต่อบ่อน้ำพุร้อนทากายุและหมู่บ้านบ่อน้ำพุร้อนซึจิยุของจังหวัดฟุกุชิมะ ถนนที่อยู่ระดับความสูงเฉลี่ยที่ 1,350 ม. นั้นมีชื่อเสียงเป็น "ถนนที่วิ่งบนท้องฟ้า" ซึ่งสามารถเพลิดเพลินไปกับ "ทางในหิมะ" ในฤดูใบไม้ผลิและใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงได้
บึงน้ำขนาดใหญ่ที่ประกอบไปด้วยบึงและทะเลสาบกว่า 10 บึงที่อยู่ทางด้านทิศเหนือของภูเขาบันได ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดฟุกุชิมะ พื้นผิวทะเลสาบมีสีสันแตกต่างกัน เช่นสีฟ้า สีน้ำเงิน และสีเขียว ทำให้เป็นจุดชมวิวที่ได้รับความนิยมมาก
บอกกล่าวกันมาว่าถูกค้นพบเมื่อ 1,300 ปีก่อนโดยพระสงฆ์เกียวกิ และนักประพันธ์อย่าง อากิโกะ โยซาโนะก็เคยอาศัยอยู่ ซึ่งเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่ถูกเคารพนับถือ ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำที่ไหลผ่านเมืองบ่อน้ำพุร้อนนั้น เรียงรายไปด้วยเรียวกัง (ที่พักสไตล์ญี่ปุ่น) ทำให้ได้บรรยากาศของบ่อน้ำพุร้อนอย่างเต็มที่
สถานีพักระหว่างทางที่ทั้งอยู่ที่แอ่งน้ำไอชุ ซึ่งจำหน่ายผักและผลไม้ที่ปลูกโดยเกษตรกรในท้องถิ่นและของที่ระลึกอีกมากมาย และยังมีร้านอาหารที่สามารถลิ้มรสรสชาติท้องถิ่นได้
เมืองของสถานที่พักที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1640 เรียงรายไปด้วยบ้านญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่เป็น "หลังคาจาก" ซึ่งยังคงรักษาสภาพของสมัยเก่าอยู่
หุบเขาที่ถูกสร้างขึ้นโดยธรรมชาติโดยกัดเซาะและผุกร่อนซ้ำแล้วซ้ำอีกเป็นเวลายาวนานกว่า 100 ล้านปี หน้าผาที่เรียงรายด้วยรูปทรงของหอนั้นช่างสวยงามมากดังภาพวาด
ศูนย์บริการแห่งแรกบนเส้นทางลงพื้นที่โทโฮคุ "ซอฟต์ครีมรสลูกพีช" ที่มีรสชาติสดชื่นที่ทำจากน้ำพีชของจังหวัดฟุกุชิมะนั้นได้รับความนิยมมาก
อาคารสถานีที่มีหลังคามุงจากที่หาได้ยากในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นประตูทางเข้าของเมืองโออูจิจูคุ ที่ห้องรอสำหรับผู้โดยสารจะมีเตาผิง ซึ่งสร้างบรรยากาศราวกับเวลาเลื่อนไหลกลับไปในอดีต
อาคารที่มีลักษณะเหมือนกับคอกม้าในยุคกลางที่สามารถมองเห็นภูเขาบันได ซึ่งได้เก็บรวบรวมงานศิลปะของ ซัลบาโด ดาลี จิตรกรชาวสเปนเป็นหลัก และยังมีผลงานของเรอนัวร์และปีกัสโซด้วย
เส้นทางที่เชื่อมระหว่างที่ราบสูงบันได กับเส้นทางบันไดอาซุมะสกายไลน์ (มีค่าผ่านทาง) จุดชมวิวซึ่งเป็นที่นิยมที่สุดในเส้นทางนี้คือ "พาราไดซ์ 3 ทะเลสาบ" ซึ่งจะเป็นจุดเดียวที่สามารถมองเห็นทะเลสาบฮิบาระ ทะเลสาบอากิโมโตะ และทะเลสาบโอโนะกาวะ ได้อย่างชัดเจน ก่อนถึงจุดชมวิวนี้ ท่านสามารถแวะชมความงดงามของสีเขียวในฤดูใบไม้ผลิและใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงได้อย่างจุใจ
หุบเขาซึ่งคงความงามตามธรรมชาติไว้อย่างครบถ้วน มีธารน้ำจากเขาอาซึมะ ซึ่งจะไหลไปรวมกันที่ทะเลสาบอากิโมโตะ ที่นี่ยังเป็นที่เลื่องลือในฐานะจุดชมใบไม้แดง และเหมาะสำหรับรับลมเย็นในฤดูร้อน ตัวหุบเขาตั้งอยู่ห่างจากเรสเฮาส์ไปประมาณ 15 นาที รวมทั้งมีคอร์สเดินป่าพาคุณชมธรรมชาติตั้งแต่หุบเขาไปจนถึงชายฝั่งทะเลสาบอีกด้วย
ทะเลสาบฮาโตริ เป็นทะเลสาบฝีมือมนุษย์ซึ่งขุดให้เชื่อมกับแม่น้ำสึรุนุมะ ในเรื่องพื้นที่ผิวทะเลสาบและปริมาณการกักเก็บน้ำทะเลสาบแห่งนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในญี่ปุ่น ชื่อฮาโตรินั้นมาจากชื่อของหมู่บ้านซึ่งเคยตั้งอยู่ในจุดที่เป็นทะเลสาบปัจจุบัน รอบๆมีลานแคมป์ คอร์สสำหรับปั่นจักรยาน และโซนรีสอร์ต
อารามหกเหลี่ยมสามชั้นบิดเป็นเกลียวคู่โดดเด่นในทางสถาปัตยกรรม ด้านในเปิดให้เดินเป็นทิศทางเดียว ตัวอารามจึงถูกสร้างให้มีทั้งทางขึ้นและทางลงแยกกัน ทำให้อารามนี้เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นแม้ในระดับโลก หากเดินครบเส้นทางนี้ เท่ากับว่าท่านจะได้สักการะรูปเคารพองค์เจ้าแม่กวนอิมครบทั้งหมด 33 องค์
เมื่อเดินผ่านต้นซีดาร์ซึ่งมาอายุกว่า 100 ปีมาแล้ว ท่านจะได้พบกับศาลเจ้ายามาโมโตะฟุโดซง ศาลเจ้าแห่งนี้เริ่มต้นจากพระธุดงค์นามว่า โคโบ ระหว่างที่ท่านธุดงค์ผ่านภูมิภาคโทโฮคุนั้น ท่านได้สร้างแท่นพิธีสำหรับขับไล่ภูติผีร้ายที่อาศัยอยู่ในบริเวณเขายามิโซ ใกล้กันนั้นมีสวนยามาโมโตะซึ่งมีความงดงามทางธรรมชาติให้ชมได้ในทุกฤดู (และยังมีทางเดินเลียบลำธารอีกด้วย)
วิวธรรมชาติอันงดงามซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของลมและฝนเป็นเวลากว่าร้อยล้านปีจนได้หน้าหินผาสีขาวที่งดงามเช่นนี้ คอนทราสต์ของหินและพืชพรรณโดยรอบงดงามโดดเด่นแก่สายตา คำว่า "เฮสึริ" มาจากภาษาท้องถิ่นซึ่งหมายความว่า "หน้าผาอันตราย" นั่นเอง
สะพานเหล็กสีแดงโค้งข้ามหุบเขาใกล้กับต้นกำเนิดของแม่น้ำอาบุคุมะ เนื่องจากเมื่อมองจากสะพานแห่งนี้ในฤดูหนาว จะสามารถมองเห็นหิมะถูกแบ่งออกเป็นสองซีกด้วยการไหลของน้ำในหุบเขา จึงถูกเรียกขานว่า "สะพานยูคิวาริ"(แปลว่าสะพานผ่าหิมะ) วิวของฤดูใบไม้ผลิของที่นี่ซึ่งจะได้ชมต้นอ่อนของไม้นานาพันธุ์ และฤดูใบไม้ร่วงซึ่งวิวทั้งหมดจะเหมือนถูกย้อมเป็นสีแดงชาดงดงามราวกับภาพวาด ทั้งสองฤดูนี้เป็นช่วงเวลาที่เราแนะนำให้ท่านมาชม
สวนแห่งนี้เชื่อว่ามีอายุมากที่สุดในญี่ปุ่น ถูกสร้างโดยบัญชาของผู้ปกครองผู้ยิ่งใหญ่และทรงคุณธรรม "มัตสึไดระ ซาดะโนบุ" ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องความคอนทราสต์ระหว่างสีเขียวของพืชพรรณและสีของทะเลสาบ มรดกทางวัฒนธรรมอีกแห่งหนึ่งก็คือ ห้องชงชา "เคียวราคุเทย์" ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งซาดาโนบุบัญชาให้สร้างขึ้นเพื่อให้ชาวบ้านได้เพลิดเพลินกับการชงชา และปัจจุบันนี้ก็ยังคงถูกเก็บรักษาไว้
ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1624 โดยผู้ปกครองตระกูลทานากุระ นามว่า นิวะ นางาชิเกะ และได้ถูกใช้เป็นที่พักอาศัยของซามูไรผู้ครองเมืองทั้งหมด 8 ตระกูลรวม 16 รุ่น (รวมระยะเวลา 244 ปี) จนกระทั่งพ่ายแพ้สงครามในเวลาต่อมา คูน้ำของปราสาทนี้มีน้ำผุดธรรมชาติซึ่งพบได้เพียงไม่กี่แห่งในประเทศญี่ปุ่น และในฤดูใบไม้ร่วงคูแห่งนี้ก็ทำการสะท้อนสีแดงของใบเมเปิ้ลออกมาเป็นวิวสะท้อนที่สวยงามมาก
ศูนย์ข้อมูลโจโดไดระที่สามารถชมท้องฟ้ายามราตรีและแช่ออนเซ็นได้ อยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,600 ม. และเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางปีนเขาและเส้นทางเดินชมธรรมชาติ เพลิดเพลินกับความงดงามทางธรรมชาติของภูเขาสูงได้อย่างสะดวกสบาย

1

2